วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน พฤหัสบดี ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552
มอบหมายงานให้พวกเราทำคือ ทำบันทึกประจำวันให้เสร็จ ก่อนที่ฉันและเพื่อนๆ
จะเริ่มทำงานนั้นก็วางแผนในการปฏิบัติงานของวันนี้ก่อน
หลังจากที่วางแผนการทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ทำบันทึกประจำวันของเมื่อวาน
และ ของวันนี้ จนถึงเวลา 11.30 น. ฉันและเพื่อนๆก็ไปพักกลางวัน
เวลา12.30 น. เริ่มเข้าเรียน ฉันก็ทำบันทึกประจำวันต่อจากช่วงเช้า จนถึงเวลา 14.25 น.
ฉันได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ 8 สาระการเรียนรู้ในวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ซึ่งได้ข้อมูลดังนี้
ประเพณีที่เกี่ยวกับช้าง
-การจัดงานประเพณีบวชนาคช้าง เป็นการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ. หมู่บ้านช้าง บ้านต่ากลอง ต. กระโพ อ. ท่าตูม จ. สุรินทร์
เพื่อสืบสานวัฒนธรรมชาติพันธุ์วรรณาของกลุ่มชาติพันธุ์กุยหรือ กวย
แหล่งอ้างอิง : www.twnews.tungwang.com/index-php?news=17
ความเชื่อที่เกี่ยวกับช้าง
-ตระกูลช้าง 10 ประการ
ช้างมงคลที่เจ้าของเลี้ยงไว้หรือประดับบารม อันก่อให้เกิดความสุข ความเจริญเป็น
มงคลแก่ตนและครอบครัวนั้น ในตำรามี 10 ชนิด
1. ฉัททันต์หัตถี
-เป็นช้างที่มีลักษณะเท้าแดง ปากแดงขาวเผือกงามบริสุทธ์ประดุจสีเงินผ่อง
2. อุโบสถหัตถี
-เป็นช้างลักษณะสีกายเหลืองอร่ามประดุจตสีทอง
3. เหมหัตถี
-เป็นช้างที่มีกายดุจสีทอง
4. มงคลหัตถี
-เป็นช้างที่นับว่าเป็นมิ่งมงคล มีสีกายดำปนเขียวประดุจนิลอัญชันถ้าอยู่บ้านเมืองใด
เมืองนั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ
5. คันธหัตถี
-เป็นช้างที่มีผิวกายดั่งไม้กฤษณา สังเกตได้ จากกลิ่นผิวกายหอม มูลถ่ายออกมาก็หอม
6. ปิงคลหัตถี
-เป็นช้างที่มีผิวกายเหลืองอ่อน ขนยาวเป็นดอกเลาทั่วร่างกาย
7. ตามหัตถี
-เป็นช้างที่มีผิวกายสีทองแดง ตาอ่อนข้างเผือกออกเป็นแดง ขนหางแลดูคล้าย
ดอกบัวแดง
8. ปัณฑรหัตถี
-เป็นช้างที่มีผิวกายดุจเขาไกรลาส คือ มีผิวหนังและ ขนยาวขาวเลื่อมเป็นดุจหิมะที่
ปกคลุมยอดเขาที่ต้องแสงอาทิตย์ ในตอนรุ่งอรุณ
9. คังไคยหัตถี
-เป็นช้างที่เกิดอยู่ในเขตหัวเมืองที่ตั้งอยู่กับแม่น้ำคงคาในประเทศอินเดีย
10. กาฬวกหัตถี
-เป็นช้างที่มีสีกาย ผิวหนังและขุมขนทั่วร่าง ประดุจสีปีกกาหรือตระกูลช้างที่เกิดใกล้
กับเขากาฬคิรีใน อินเดีย
หลังจากที่ฉันและเพื่อนค้นหาข้อมูลเสร็จคุณครู ณภัทรก็ให้พวกเราไปช่วย ครูยกกล่อง
ของขวัญเพื่อนำไปตกแต่งขบวนรถคริสต์มาส
เวลา 15.30 น. แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน พุธ ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ซึ่งพวกเราก็ตกลงกันว่า ช่วงเช้านี้จะ ตัดต่อทำสารคดี ของกลุ่มเรา ส่วนช่วงบ่ายของวันนี้
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน อังคาร ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
-ด.ญ. ณัฐธิดา มีสุวรรณ
-ด.ญ. อาริษา ทาบุตร

-ด.ญ. กัญญาณัฐ ท้าวแปง
-ด.ญ. ดรุณี ด้วงคำฟู
-ด.ญ. ผ่องนภา ทองทิพย์
จากนั้นคุณครูณภัทรก็คุยถึงเรื่องโครงาน และจะต้องทำงานที่ค้างให้เสร็จ แล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน ฉันและเพื่อนๆในกลุ่มก็มานั่งทำบันทึกประจำวัน ต่อ จนถึงเวลา 1เวลา 12.30 น. จากนั้นเราก็มานั่งทำงานที่ยังไม่เสร็จต่อคือ ทำบันทึกประจำวัน
เวลา 15.30 น. แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สรุปการไป Filed trip ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ. ห้างฉัตร จ. ลำปาง
อ. ห้างฉัตร จ. ลำปาง พวกเราออกเดินทางไปยัง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเวลา 09.00 น.
ถึงเวลาประมาณ 09.12 น. เมื่อไปถึงฉัน เพื่อนๆ และคุณครูได้เดินมาที่พิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของช้าง และได้มอบเงินจำนวน 5,000 บาท ให้กับผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จากนั้นก็ได้เข้าไปทำสารคดีที่กลุ่มของฉันได้รับมอบหมายในหัวข้อ วิวัฒนาการของช้าง กลุ่มของฉันได้แบ่งหน้าที่กันดังนี้ กัญญาณัฐ เป็นคนควบคุมกล้อง ผ่องนภา เป็นคนดำเนินรายการ
ส่วนฉัน อาริษา และ ณัฐธิดา เป็นคนกำกับให้ ผ่องนภา และกัญญาณัฐ เมื่อเสร็จแล้ว ฉันและเพื่อน ๆ ก็ได้ขึ้นรถเพื่อที่จะไปชมช้างอาบน้ำแต่ก็ไม่ทัน ฉันและเพื่อนๆ ก็ไปชมการแสดงช้างแทน แต่ก่อนที่จะไปฉัน เพื่อนๆ และคุณครู ก็ได้มาถ่ายรูปที่ป้ายศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จากนั้นก็เดินไปชมการแสดงช้าง ที่ลานแสดงช้าง ในการชมช้างแสดงฉันสังเกตเห็นได้ว่า มีฝรั่งมาชมมากกว่าคนไทย ในการแสดงช้างก็จะมีช้างลากไม้ ช้างวาดภาพ ช้างทรงตัวบนท่อนไม้ ช้างชักธง ช้างตีระนาด และอื่นๆ อีกมากมาย ช้างที่ร่วมแสดงมีชื่อดังนี้
-ช้างพลายก้านกล้วย

-โจโจ้
-พลายแอ๊ด
-พลายประถมสมภพ(เป็นช้างตัวแรกที่ผสมเทียมได้สำเร็จ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงประทานชื่อให้)
-พลายเหม่ย
-พลายเมย์
-พลายคริสติน่า
ช้างแต่ละตัวน่ารักมาก อาหารของช้างที่ตั้งขาย มีกล้วย และ อ้อย ขายมัดละ 20 บาท เมื่อชมการแสดงช้างเสร็จแล้ว ฉันและเพื่อนๆในกลุ่ม ก็ได้เดินไปที่โรงพยาบาลช้าง แต่ก่อนที่จะเข้าไป

จากนั้นกลุ่มของฉันก็ได้เดินไปที่โรงพยาบาลช้างฉันและเพื่อนๆ ภายในกลุ่มได้ไปถามพี่ที่อยู่ในโรงพยาบาลช้างว่าช้างที่อยู่ในการรักษาเป็นอะไร พี่เขาก็บอกว่าช้างทั้งสองตัวเป็นฝี บริเวณขาหน้าทั้งสองข้าง เมื่อสอบถามพี่เขาเสร็จแล้ว ฉันและเพื่อนๆก็ได้เดินกลับมาที่ป้ายศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย และไปนั่งกินข้าวที่ข้างบนลานแสดงช้าง เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วก็ลงไปศึกษาต่อ คุณครูและเพื่อนๆ ได้ชวนฉันและกัญญารัฐนั่งช้าง
ดังนั้นฉันและกัญญารัฐก็ไปเสียค่าบัตรขึ้น ขี่ช้าง โดยเสียเงินคนละ 50 บาท
เมื่อขึ้นไปบนช้างฉันจับโซ่ที่ควาญช้างกั้นให้จนแน่นตอนลงเนิน และขึ้นเนิน น่ากลัวมาก เพราะมันเอนไปเอนมา และ สูงมาก เมื่อมาถึงที่ ลงฉันโล่งอกมาก ที่จะได้ลงจากช้างซักที
จากนั้นฉันและกัญญาณัฐ ก็ไปนั่งรอช้างอาบน้ำแต่ยังไม่ถึงเวลา ฉันและกัญญาณัฐจึงต้องนั่งรอ
เวลา 13.30 น. ก็ถึงเวลาที่ช้างจะอาบน้ำตอนช้างอาบน้ำน่ารักมาก ช้างบางตัวก็ดำน้ำ ช้างบางตัวก็พ้นน้ำเมื่อดูช้างอาบน้ำเสร็จแล้ว ฉันและเพื่อนๆ ก็ได้เดินมาอยู่ตรงป้ายศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เพื่อรอดูขบวนช้าง ซึ่งพลายโจโจ้เป็นตัวนำขบวน ใช้งวงถือธงสีฟ้าและมีช้างอีกสองตัวถือกลอง และอีกหนึ่งตัวตีกลอง แต่ฉันไม่ทราบชื่อ และช้างที่เหลือเรียงเป็นแถวเดียวแล้วใช้งวงจับหางกัน น่ารักมาก จากนั้นก็มานั่งชมการแสดงต่อแต่ก็ดูไม่จบฉันและเพื่อนๆ ก็ลุกมาก่อน มานั่งที่ลานจอดรถ นั่งได้สักพักอาริษาก็ชวนฉันไปดูของฝาก
มีของสวยๆ มากมาย แต่ฉันไม่ซื้อ
เวลา 14.50 น. คุณครูให้พวกเรามารวมตัวกันที่ลานจอดรถ เพื่อที่จะกลับโรงเรียน โดยให้นั่งเป็น3แถว เพราะ มีรถ 3 คัน จากนั้นก็กลับโรงเรียน
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน ศุกร์ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552
หลังจากที่ช่วยกันวางแผนในการปฏิบัติงานเสร็จ คุณครู ณภัทร ได้ให้พวกเราดูสารคดี
ของคุณครู เป็นตัวอย่าง เพื่อที่ พวกเราจะได้นำไปเป็นตัวอย่างสารคดีของเรา
ซึ่ง จะมีเรื่องน้ำ , ธรรมะ และเรื่อง เครื่องสำอาง
หลังจากที่พวกเราดูตัวอย่างสารคดีของครู ณภัทร เสร็จ พวกพี่ๆชั้น ม.3 ก็ได้มาสอนพวกเรา
ใช้กล้องวีดีโอ เพราะ ในการทำสาระคดีเรื่อง กุญชรแห่งสยาม จะต้องใช้กล้องวีดีโอ
เป็นเครื่องมือในการถ่ายทำ สารคดี
เวลา12.30 น. ฉันและเพื่อนๆได้เข้าเรียน จากที่ช่วงเช้าพวกเราได้เรียนรู้เรื่อง กล้องวีดีโอไปแล้ว
พวกเราก็ได้ ทดลองใช้กล้องวีดีโอโดยให้ ผู้ดำเนินรายการของกลุ่ม มาทดลองพูดแนะนำ
หลังจากที่ พวกเราได้ทดลองใช้กล้องวีดีโอ ไปแล้ว พวกเราก็ได้วางแผนหรือนัดแนะกัน
เพราะวัน จันทร์ที่จะถึงนี้ พวกเราจะไป Filed trip ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ. ห้างฉัตร
จ. ลำปาง โดยพวกเรานัดแนะกันว่า
-ให้นำเครื่อง XO ไปด้วยเพื่อนำไปถ่ายรูป
-เตรียมอาหารกลางวันไปรับประทานด้วยกัน
-ใส่ชุดพละ
-เตรียมเงินค่า อาหารช้าง 20บาท หรือถ้าหากใครจะนั่งช้างก็ให้เตรียมเงินไป 50 บาท
หลังจากที่พวกเราวางแผนนัดแนะกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วัน พฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน พุธ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552
หลังจากวางแผนการปฏิบัติงานเสร็จ เพื่อนๆรวมทั้งฉันก็เริ่มเพ้นท์ขวดแบนด์ เพื่อที่จะหาเงิน
ไปช่วยช้าง ณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ในวันจันทร์ ที่ 21 ธันวาคม นี้
หลังจากที่พวกเราช่วยกันเพ้นท์ขวดแบนด์เสร็จ เวลาประมาณ11.00 น. พวกเราก็นำของที่จัดทำขึ้นมา
ไปที่โรงอาหารในโรงเรียน เพื่อขอความร่วมมือจากเพื่อนๆ พี่ๆ และน้อง บริจาคเงิน สมทบทุน
ช่วยช้าง
เวลา 12.30 น. ฉันและเพื่อนๆก็ขึ้นมาบนห้องสมุดเพื่อที่จะนำของมาเก็บและเริ่มเรียน ภาคบ่ายต่อ คุณครูก็ให้พวกเรา เล่นเกมใบ้คำอย่างสนุกสนานและช่วยกันเพ้นท์แก้วต่อ เพื่อนำไปเป็นของที่ระลึกสำหรับผู้บริจาคเงิน(ตามจิตศัทธา ) แต่ถ้าหากผู้ใดบริจาคเงิน 10 บาท ขึ้นไป ก็จะได้รับของที่ระลึกจากพวกเรา การเพ้นท์แก้วของพวกเราก็จะมีรูปแบบต่างๆ ไม่ใช้เฉพาะช้างเท่านั้นจึงทำให้เป็นที่สนใจกันมาก

จนถึงเวลา 15.00 น. เราก็เริ่มทยอยไปขอเงินบริจาคตามหน้าโรงเรียน แก่ผู้ปกครอง นักเรียน พ่อค้า แม่ค้า ได้เงินมา 815 บาท รวมทั้งหมดวันนี้เราได้เงิน ทั้งหมด 1,500.25 สต.
วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน อังคาร ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง ซึ่งพวกเราก็ได้วางแผนกันไว้ว่า
ช่วงเช้าจะ ทำงานของกลุ่ม คือ ทำรายงานเรื่องวิวัฒนาการของช้าง และ แก้ไขบทรายการวิทยุโทรทัศน์
ช่วงบ่ายจะค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของช้าง และทำบันทึกประจำวัน
หลังจากที่ได้วางแผนการปฏิบัติงาน ฉันและเพื่อนๆก็ช่วยกันทำรายงาน วิวัฒนาการของช้าง ได้สักพัก
คุณครูณภัทรก็ได้แนะนำให้พวกเราทั้ง4กลุ่มนั้น ช่วยกันคิดว่า " จะทำกิจกรรมอะไรที่สอดคล้องกับ
โครงงานของเราและสามารถนำเงินที่ได้ไปสมทบทุนช่วยช้าง" ดังนั้นพวกเราทั้ง4กลุ่มก็ระดมความคิดกันว่า " จะทำผลิตภัณฑ์ การเพ้นท์แก้ว" ซึ่งคุณครูณภัทรก็ให้พวกเราดู การเพ้นท์แก้วเป็นตัวอย่าง คือ จะเป็นขวดแบนด์ที่เพ้นท์ลวดลายสวยงาม
หลังจากที่พวกเราได้ดูตัวอย่างแล้ว คุณครูณภัทร ก็ให้พวกเราไปเอากล่องที่ห้องคุณครูจินดารัตน์
เพราะในกล่องนั้นมีขวดแบนด์ ซึ่งเป็นของครูณภัทร เอง
เมื่อไปยกกล่องนั้นมา พวกเราก็นำขวดแบนด์ไปล้างเพื่อทำความสะอาด ซึ่งพวกเราได้ใช้เวลาในการล้าง
ขวดแบนด์ไปประมาณ 3 ชั่วโมง ส่วนแก้วที่ล้างทำความสะอาดสำเร็จ รวมทั้งหมดแล้วได้ 255 ใบ
จากที่พวกเราได้ทำกิจกรรม ในครึ่งเช้านี้ พวกเราจึงไม่ได้งานตามที่ได้กำหนดไว้
เวลาประมาณ 12.30 น. ฉันและเพื่อนๆก็เริ่มทำรายงานต่อ โดยการหาข้อมูลวิวฒนาการของช้าง ใหม่
เพราะ ที่เขียนมาก่อนนั้น ไม่ค่อยเกี่ยวกับวิวัฒนาการของช้างสักเท่าไหร่ จึงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม
ซึ่งข้อมูลที่ได้มีดังนี้
วิวัฒนาการของช้าง
http://www.script.co.th/elephant/
ตามหลักฐานด้านโบราณคดีและสัตววิทยา ช้างมีวิวัฒนาการผ่านมาดังนี้
มอริเธอเรียม(Moeritherium) ถือเป็นต้นตระกูลของช้าง ยุคอีโอซีนเมื่อ 55 ล้านปี สูงราว 60 เซนติเมตร ไม่มีงา พบในอียิปต์

พาลาโอเมสโตดอน (Paraomestodon) เคยมีอยู่เมื่อ 37 ล้านปี สูง 1 เมตร 30 เซนติเมตร มีเขี้ยวล่างเขี้ยวบน
พาเลโอมาสโตดอน (Palaeomastodon) ยุคโอลิโทซีน สูง 2 เมตร เขี้ยวเริ่มยาวเป็น งาเล็ก ๆ
พลิโอเมีย ( Phiomia ) เมื่อ 35 ล้านปี สูง 1 เมตร 80 เซนติเมตร
พลูอิโอเมีย (Pluiomia) ยุคโอลิโทซีน สูง 2 เมตร 50 เซนติเมตร งวงจะเริ่มยาวขึ้น
เซอร์เด็นตินัส (Serdentinas) เมื่อ 28 ล้านปี ถือเป็นช้าง 4 งาในยุคแรก ๆ

แนททาเบลโลดอน (Nathabellodon) เมื่อ26 ล้านปี ยุคไมโอซีน สูง 2 - 3 เมตร
กอมโฟเธอเรียม (Gomphotherium) ยุคไมโอซีน เป็นช้างไทยดึกดำบรรพ เคยขุดพบซากทางภาคเหนือของไทย
ไดโนเธอเรียม (Dinotherium) สูง 3 - 4 เมตร แต่งาอยู่ขอบปากล่าง
แพลนส มาสโตดอน (Plainsmastodon) สูง 3 เมตร งางอกอยู่ที่ขอบปากบน
พลาตีบีโลดอน (Platybelodon) ยุคไพลโอซีน เมื่อ 7 ล้านปี
ไฮแลนด์ มาสโตดอน (Hilandmastodon) ยุคไพลโอซีนเช่นกัน แต่มีงาเป็นเกลียว
มอริลเลีย (Morillia) เมื่อ 7 ล้านปี เป็นช้าง 4 งาอีกสายพันธุ์หนึ่ง
พลาตีบีโลคอน (Platybelodon) มีงาคล้ายเสียมขุดดิน
แมมมอทขนยาว เคยมีเมื่อ 2 ล้านปีแต่สูญพันธ์ไปแล้วราว 25,000 ปี
แมมมอททุ่งกว้าง ยุคไพลสโตซีน เคยมีอยู่ในทุ่งกว้างทวีปอเมริกาเหนือ
มาสโตดอนอเมริกา ยุคไพลโอซีน สูง 3 เมตรครึ่ง

แอนแนคตัส ช้างงายาว เมื่อ 2 ล้านปี
แมมมอทแคระ สูงราว 90 เซนติเมตร

อิมพีเรียลแมมมอท รูปร่างสูงใหญ่พบในอเมริกาเหนือ
พาลาอีโอโซดอน (Palaeoloxodon) ช้างงาตรง สูงราว 3 เมตร
สเทโกดอน (Stegodon) ที่มีรูปร่างคล้ายช้างปัจจุบัน

ช้างเอเซียโบราณ เมื่อ 7 ล้านปี
แมมมูตุส (Mamuthus) ยุคไฮโลซีน รูปร่างใหญ่มาก สูงกว่า 4 เมตร
ช้างแคระ หรือช้างค่อม เคยมีอยู่ทางภาคใต้ของไทย แต่ปัจจุบัน………..สูญพันธุ์ไปแล้ว ( กล่าวกันว่าถูกล่า

ปัจจุบันทั้งโลกจึงเหลือช้างอยู่เพียง 2 สายพันธุ์คือ ช้างอัฟริกา และช้างเอเซีย
ช้างอัฟริกัน กำลังประสพปัญญา จากการไล่ล่า เอาชีวิตเอางาของนักล่า นักค้าผู้เห็นแก่ได้
ช้างเอเซีย ซึ่งช้างไทยจัดอยู่ในสายพันธุ์นี้ ก็ประสพปัญหาเช่นกัน ทั้งในเรื่องการถูกล่า ถูกเบียดเบียน ถิ่นที่

วิวัฒนาการของช้างที่ยืนยาวมากว่า 55 ล้านปี กำลังถูกกระชาก สู่บทสุดท้าย ในไม่ช้านี้ หากมนุษย์ ยังชินชา หรือโยนภาระนี้ ให้กับคำว่า ……….. ตามยถากรรม
แหล่งอ้างอิง : http://www.scritp.co.th/elephant/
หลังจากที่ค้นหาข้อมูลพวกเราก็รวบรวมเป็นรูปเล่มรายงาน ส่งครูณภัทร
เวลา 15.30 น. แยกย้ายกันกลับบ้าน
วัน จันทร์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันนี้ฉันและเพื่อนๆได้เริ่มเข้าเรียนเวลา 09.00 น. พวกเราก็เริ่มทำชิ้นงานคือ การเพ้นท์จาน
การทำงานในวันนี้ เพราะแต่ละคนทำงานที่ครูมอบหมายให้ไม่สำเร็จจึงทำงานต่อจนถึงเวลา 15.30 น.
พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน ศุกร์ ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เช้าวันนี้พวกเราได้เริ่มเรียนเวลา 08.30 น.และช่วยกันวางแผนการปฏิบัติงาน
คือช่วงเช้าเวลา09.00-10.00 น. นำเสนองานหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับห้องอื่นๆ
เวลา10.00-11.30 น. ให้เพื่อนๆที่ไปดูการนำเสนองานของห้องอื่นมาเล่าให้คุณครู
และเพื่อนๆที่ไม่ได้ไปด้วย ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้าง เวลา 12.30-15.30 น.
ทดลองเพ็นท์แก้วน้ำ, แต่งกลอนเกี่ยวกับช้าง, ทำบันทึกประจำวัน
หลังจากที่พวกเราช่วยกันวางแผนการปฏิบัติงานเสร็จ ก็เริ่มการนำเสนองานให้กับเพื่อนๆ
พี่ๆและน้องๆฟัง โดยมีอีก 3 กลุ่มที่ร่วมนำเสนอกับพวกเราคือ 1. กลุ่มชนิดของช้าง
2. กลุ่มลักษณะของช้าง และ 3. กลุ่มสายพันธุ์ของช้าง
เมื่อนำเสนองานเสร็จ คุณครูก็ให้เพื่อนๆที่ไปดูการนำเสนองานของห้องอื่น มาเล่าให้เพื่อนๆในห้องฟัง
โดยเพื่อนๆที่เป็นตัวแทนของห้องนั้นก็ได้แยกกันไปตามห้องต่างๆ ซึ่งเรื่มจากห้อง
-ม.1/1 ศึกษาเรื่อง การต้องลาย
-ม.1/2 ศึกษาเรื่อง พืชสมุนไพร
-ม.1/3 ศึกษาเรื่อง กระดาษ
-ม.2/1 ศึกษาเรื่อง รถไฟ
-ม.2/2 ศึกษาเรื่อง M.202 โกปี้
-ม.3/1 ศึกษาเรื่อง ว่าว
-ม.3/3 ศึกษาเรื่อง ลำปาง
เมื่อเพื่อนๆนำเสนอความรู้ที่ได้ไปดูแต่ละห้องเสร็จ คุณครูณภัทรและคุณครูศิวิไลซ์ ก็ได้ให้คำแนะนำ
กับกลุ่มที่นำเสนองานในสัปดาห์นี้ และกลุ่มอื่นๆที่จะต้องนำเสนองานในสัปดาห์หน้า ว่า
" ควรค้นหาข้อมูลให้มากๆ และควรนำเสนองานให้เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่กลุ่มของตนเองศึกษา
เพราะ ถ้าหากเรานำเสนองานปะปนกันจะทำให้ หัวข้อที่เราศึกษานั้นไม่โดนเด่น ดังนั้นเราควรไปศึกษามาใหม่ "
เวลาประมาณ 12.30 น. คุณครูณภัทร ก็ให้พวกเราทดลองการเพ็นท์แก้วโดยเป็นรูปช้าง
จนถึงเวลา 14.30 น. จากนั้นคุณครูณภัทรก็มอบหมายงานให้พวกเราไปทำที่บ้านคือ
- ทำบทสารคดี
- สรุปข้อมูวิวัฒนาการของช้างเป็นรูปเล่ม
- แต่งกลอน
- คิดผลิตภัณฑ์ ส่งวันจันทร์
เวลา15.30 พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน พุธ ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ช่วงบ่าย เวลา 12.30-14.30 น. ทำบันทึกประจำวันที่ยังทำไม่เสร็จและซ้อมการนำเสนองาน
เวลา14.30-15.30 น. Show & Shere ความรู้ที่ได้ในวันนี้
เมื่อวางแผนการทำงานเสร็จฉันก็เริ่มทำบทรายการวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งฉันได้จับคู่กับ ณัฐธิดา
เพื่อช่วยกันคิดบทวิทยุโทรทัศน์ที่จะทำในวันที่ไปทัศนศึกษา ที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ. ห้างฉัตร
จ.ลำปาง
หลังจากที่ทำบทวิทยุโทรทัศน์เสร็จ พวกเราในกลุ่มก็มาฝึกซ้อมการนำเสนอที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ให้กับเพื่อนห้องอื่นๆฟัง
เมื่อพวกเราได้ฝึกซ้อมการนำเสนอเสร็จ ก็มาทำบันทึกประจำวัน
เวลา15.30 น. พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน อังคาร ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552
โดยช่วงเช้า ดูสาระคดีมหัศจรรย์สุวรรณภูมิ และเตรียมนำเสนองาน ช่วงบ่ายเวลา 12.30-14.30 น.
ค้นหาข้อมูล สิ่งที่บูรณาการเข้ากับวิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม,
วิชา วิทยาศาสตร์, วิชาศิลป์, วิชาคณิตศาสตร์, วิชาสุขศึกษาและพละศึกษา และ
วิชาภาษาจีน 14.30-15.30 น. Show&Shere ความรู้ที่ได้ในวันนี้
หลังจากที่ฉันและเพื่อนๆในกลุ่มวางแผนการทำงานเสร็จ พวกเราก็เริ่มดูสาระคดีมหัศจรรย์สุวรรณภูมิ
ในสมัยโบราณมีการใช้ช้างในการทำสงคราม ซึ่งถือว่าช้างนั้นเป็นกำลังสำคัญในการทำ
ข้าศึกเพื่อเอกราชของไทย การใช้ช้างในการทำสงครามนั้นได้มีการกล่าววิธีการต่อสู้เอาไว้ว่า
พระเจ้าแผ่นดินหรือแม่ทัพก็จะใช้อาวุธต่อสู้กันบนหลังช้าง ส่วนช้างที่ใช้ต่อสู้นั้นจะต่อสู้กับช้าง
ของศัตรู ถ้าช้างผู้ใดมีกำลังมากและสามารถสู้ช้างของศัตรูได้ ก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะ
จะทำให้แม่ทัพนั้นสามารถต่อสู้ได้สะดวก ซึ่งการได้รับชัยชนะนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความแข่ง
แกร่งของช้างและแม่ทัพด้วย
-ช้างไทยในพุทธประวัติ
ช้างนาฬาศิริ
-ประเพณี ความเชื่อที่เกี่ยวกับช้าง
1. การบวชช้าง คือการนำช้างมาร่วมในพิธีบรรพชาอุปสมบทมาจากคติ ความเชื่อ
ทางพระพุทธศาสนา
2. การนับถือช้างเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นสัตว์ที่สูงส่ง
4. เมื่อกล่าวถึง " ช้าง " และ " วิชาวิทยาศาสตร์ " นักเรียนจะนึกถึงอะไรได้บ้าง
- ก๊าซมูลช้าง
มีประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและก๊าซหุงต้ม ที่มีการลำเลียงผ่านท่อก๊าซเพื่อ
ใช้ประโยชน์ในการหุงต้ม
วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน พฤหัสบดี ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ช่วงเช้าจะค้นหาข้อมูล วิวัฒนาการของช้างป่า ( เพิ่มเติม ) จากเมื่อวาน
ช่วงบ่าย เวลา 12.30-14.30 น. สรุปวิวัฒนาการของช้างป่า , ช้างเอเชีย ,
ช้างเลี้ยง เวลา 14.30- 15.30 น. Show&Shere ความรู้ให้คุณครูและเพื่อนๆ
ฟังว่าวันนี้มีความก้าวหน้าไปถึงไหน
หลังจากที่ฉันและเพื่อนๆวางแผนการปฏิบัติงานเสร็จ ก็เริ่มค้นหาข้อมูล วิวัฒนากาของช้างป่า
แต่เมื่อค้นหาข้อมูลเกิดการผิดพลาดคือ ค้นหาข้อมูลได้เหมือนเมื่อวาน ดังนั้นฉันจึง
ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับช้างเอเชีย แทน ซึ่งได้ข้อมูลดังนี้
ช้างเอเชีย
ช้างเอเชียเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนบก เท้าเป็นกีบ มีลักษณะกลม ( Hoof )
มีงวงยาว ความยาวของลำตัวจากตัวจรดโคนหางยาวประมาณ 40-50 ซม. เมื่อโตเต็มที่
จะมีน้ำหนักประมาณ 3,500 - 4,000 กก. ( 3.5-4.0 ตัน ) ความสูงบริเวณไหล่เฉลี่ยประมาณ
240-270 ซม. 8-9 ฟุต

ลูกช้างเมื่อเกิดใหม่ๆ จะมีขนปกคลุมตามร่างกาย แต่ภายหลังขนจะค่อยหลุดร่วงไปคงเหลือบ้าง
ช้างมีงวง ซึ่งเป็นอวัยวะที่เจริญมาจากจมูกและริมฝีปากบน ซึ่งยืดยาวออกไปโดยมีรูจมูกอยู่ที่ปลายงวง 2 รู งวงประกอบด้วยมัดกล้ามเนื้อหลายชั้น ดังนั้นงวงช้างจึงมีความแข็งแรงและมีกำลังมาก บริเวณปลายงวงมีอวัยวะรับความรู้สึกเกี่ยวกับกลิ่นและสัมผัส ทำให้ช้างสามารถรับรู้กลิ่นต่างๆได้ในระยะไกล ช้างสามารถรับกลิ่นเสือหรือมนุษย์ที่อยู่เหนือลมได้ไกลถึงกว่า 1 กิโลเมตร งวงช้างนอกจากจะเป็นจมูกใช้ในการหายใจและดมกลิ่นต่างๆแล้ว ยังใช้เป็นอวัยวะจับสิ่งของต่างๆ ตลอดจนอาหาร เช่น หญ้า ใบไม้ และดูดน้ำพ่นเข้าปากกินได้ด้วย
ช้างมีตาขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดลำตัวที่ใหญ่โต แต่ช้างเป็นสัตว์ที่มีสายตาไม่ดี ในระยะ 15-20 เมตร ช้างอาจมองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม หรือศัตรู
งาช้างเป็นฟันตัดที่พัฒนาเจริญงอกยาวออกไปจากขากรรไกรบนข้างละ 1 กิ่ง งาช้างตามปกติจะมีขนาดใหญ่และยาวพ้นริมฝีปาก พบเฉพาะในช้างตัวผู้เท่านั้น ส่วนช้างตัวเมียและช้างสีดอซึ่งเป็นช้างตัวผู้ที่มีงาขนาดเล็ก เส้นรอบวงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ยาวไม่พ้นริมฝีปากหรือยาวพ้นริมฝีปากเพียงเล็กน้อยประมาณ 10-15 เซนติเมตร เรียกงาแบบนี้ว่า "ขนาย" ไม่เรียกว่า "งา" โคนงาและขนายที่ฝังอยู่ในขากรรไกรบนจะมีกระดูกอ่อนหุ้มอยู่หนาประมาณ 5-7 มิลลิเมตร ลักษณะงาช้างโดยทั่วไปจะเป็นโพรงหรือรูกลวง ความลึกของโพรงขึ้นอยู่กับอายุของช้าง ช้างที่มีอายุมากส่วนโพรงจะตื้น สั้นกว่าส่วนที่ตัน ช้างที่มีอายุมากๆ อาจมีโพรงลึกเพียง 15-20 เซนติเมตรเท่านั้น ภายในโพรงของงาจะเต็มไปด้วยของกึ่งเหลวกึ่งแข็งสีน้ำตาลแดงคล้ายตับหมู ช้างจะเริ่มมีงาหรือขนายเมื่ออายุประมาณ 2-5 ปี งาช้างนอกจากจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวของช้างแล้ว ยังใช้สำหรับลอกเปลือกไม้ และขุดดินโป่งกินได้อีกด้วย ตามปกติงาช้างจะมีสีขาวซึ่งแตกต่างจากสีขาวธรรมดาทั่วไป จึงเรียกว่าสีงาช้าง นอกจากนี้ยังเคยมีรายงานว่ามีงาช้างสีดำซึ่งเป็นสิ่งที่หายากมาก ปัจจุบันหาดูได้ที่ศาลากลางจังหวัดน่าน
ใบหูช้างประกอบด้วยใบหูและรูหู ใบหูของช้างเป็นแผ่นใหญ่ ขอบใบหูของช้างเอเซียจะสูงไม่พ้นหัว ส่วนโคนใบหูหนาแล้วค่อยๆบางลงไปจนถึงของใบหู บริเวณปลายขอบใบหูมีลักษณะเว้าแหว่ง ยิ่งช้างที่มีอายุมากลักษณะเว้าแหว่งของใบหูยิ่งมีมากขึ้น ใบหูมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 65-85 เซนติเมตรช้างจะโตเต็มที่เมื่ออายุประมาณ 25 ปี และมีอายุยืนประมาณ 70 ปี
แหล่งอ้างอิง : www.lib.ru.ac.th/journal/elephant_asian.html
หลังจากที่ฉันได้ค้นหาข้อมูล ของช้างเอเชีย ฉันก็ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ นิทานที่สอดคล้องกับวิชาภาษาไทยคือนิทาน เรื่อง หนอนท้าสู้กับช้าง มีความว่า...........
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ปรารภภิกษุรูปหนึ่ง ผู้ปราบความจองหองของชายด้วน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ บ้านพักริมทางปลายแดนแห่งหนึ่งระหว่างอังครัฐกับมคธรัฐ จะมีพ่อค้าทั้งสองเมืองแวะมาพักร้อนก่อนเดินทางไปค้าขายต่ออยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งมีพ่อค้ากลุ่มหนึ่งแวะมาพักเช่นเคย แต่ครั้งนี้ได้นำสุรามาดื่มด้วยพักค้างคืนแล้วจึงออกเดินทางในตอนเช้ามืด
เมื่อพวกพ่อค้าไปแล้วไม่นาน มีหนอนกินอุจจาระตัวหนึ่งได้กลิ่นอุจจาระจึงมาที่นั้น เห็นสุราที่เขาทิ้งไว้ตรงนั้น มันก็กินด้วยความหิวกระหายแล้วเกิดอาการเมาสุรา ไต่ขึ้นไปบนกองอุจจาระๆ ก็ยุบลง มันจึงร้องขึ้นด้วยความลำพองใจว่า
“อะฮ้า ในโลกนี้ไม่มีใครใหญ่เกินเรา แม้แต่แผ่นดินก็ยังทนทานน้ำหนักเราไม่ได้”
ขณะนั้นเองได้มีช้างตกมันตัวหนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นพอดี พอได้กลิ่นอุจจาระจึงปลีกตัวเดินห่างออกไป เจ้าหนอนเห็นช้างเดินตรงมาถึงแล้วก็หลบไปทางอื่นก็ยิ่งลำพองใจคิดว่าช้างกลัวตนเอง จึงร้องเรียกช้างขึ้นว่า
“ท่านเป็นช้างผู้กล้าหาญมิใช่เหรอ ท่านอย่างพึ่งหนีไป กลับมาสู้กันก่อน เราคือผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นี้”
ช้างพอได้ยินเสียงหนอนเรียกท่าสู้ด้วย จึงเดินกลับไปหาพร้อมตวาดขึ้นว่า …
“เจ้าหนอนตัวเหม็น เราไม่จำเป็นต้องออกแรงฆ่าเจ้าด้วยเท้าด้วยงาดอก เพียงแค่ขี้ของเราจึงจะคู่ควร”
ว่าแล้วก็ถ่ายอุจจาระก้อนโตตกลงไปทับหนอนตายคาที่พร้อมกับปัสสาวะรดแล้วก็แผดเสียงร้องเข้าป่าไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ฤทธิ์ สุราทำให้คนใจใหญ่หยิ่งผยอง ไม่เกรงกลัวใคร และมักนำความฉิบหายมาให้มากกว่าผลดี
แหล่งอ้างอิง : www.watkoh.com › ... › ศาสนธรรม › นิทานธรรม ชาดก -
เวลา11.30 พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา12.30 หลังจากไปพักกลางวันมาแล้ว ฉันก็มาสืบค้นข้อมูล สิ่งที่บูรณาการไปยังวิชาภาษาไทยและภาษาอังกฤษโดยมีข้อมูลดังนี้......
วิชาภาษาไทย
-บทกลอน
*ช้างไทยถิ่น ดินแดน แคว้นล้านนา
ถูกเข็ญฆ่า ล่าเลือด เชือดให้ช้ำ
บ้างถูกยิง ถูกเลื่อยงา ตาดำๆ
ช้างน่าขำ ทำได้หนา ไม่ปรานี
*ช้างไทยเรา เอาไว้ ที่ไหนหนอ
เห็นเดินขอ ทานกิน ทุกถิ่นถอน
ไม่มีแม้ แต่ป่า น่าอาวรณ์
เดินสัญจร ท้องถนน รถชนตาย
วิชาภาษาอังกฤษ
-สุภาษิต
*It's a sad house where the hen crows louder thanthe cock.
-สามีเป็นช้างเท้าหน้า ภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง
*To ride an elephant to catch a grasshopper.
-ขี่ช้างจับตั๊กแตน
*To cover one whole dead elephant with a lotus leave.
-ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด
*When you look over an elephant look at its tail.
-ดูช้างให้ดูหน้าหนาว ดูสาวให้ดูหน้าร้อน
*Little thinngs escape an elephant's eyes, big things escape a mite's eyes.
-ถี่ลอดตาช้าง ถ่างลอดตาแล็น
*A white elephant is born in the wild.
-ช้างเผือกเกิดในป่า
เวลา14.30 น. Show&Shere ความรู้ที่ได้และวันนี้ได้ทำอะไรไปบ้าง ให้เพื่อนๆรวมทั้งคุณครูณภัทรด้วยหลังจากที่ได้พูดว่าวันนี้เราได้ทำอะไรไปบ้าง คุณครูก็ให้พวกเราโหวตว่าตัวแทนของแต่งละกลุ่มนั้น ใครทำบล็อกได้ดีมาก ปรากฏว่า " ณัฐธิดา " ได้คะแนนโหวตที่มากที่สุด คุณครูณภัทรจึงให้รางวัลเพื่อน ส่วนฉันนั้นก็พลอยดีใจกับเพื่อนไปด้วยที่สามารถทำงานได้ดี หลังจากนั้นคุณครูก็ให้กระดาษ 1 แผ่น ภายในแผ่นนั้นเป็น เนื้อเพลงที่มีชื่อว่า Elephant Song และได้มอบหมายให้พวกเราแปลความหมายของเนื้อเพลง
เวลา 15.30 พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วัน พุธ ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันนี้เป็นวันที่ สองของการเรียน Project ในวันนี้ ช่วงเช้าฉันและเพื่อนๆก็ช่วยกันวางแผน
และวิชาภาษาอังกฤษ จนถึงพักกลางวัน จากนั้นเวลา 12.30-14.30น. ก็ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับ

เนื่องจาก "สัตว์กินพืช" และ "พืช" โดยเฉพาะพืชใบเลี้ยงคู่มีวิวัฒนาการมาด้วยกัน "พืช" ก็ต้องมีกลไก เพื่อป้องกันไม่ให้ "สัตว์กินพืช" กินพวกมันจนสูญพันธุ์ไป เช่น สร้างสารประกอบที่มีพิษ (toxic secondary compound) ทำให้ช้างต้องกินพืชหลากหลายชนิด ทั้งเพื่อให้ได้คุณค่าอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กินพืชชนิดใดชนิดหนึ่งมากจนสะสมสารพิษของพืชชนิดนั้นถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สารประกอบดังกล่าวจะไม่มีในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น ไผ่ และหญ้าต่าง ๆ นอกจากนี้ ไผ่ ยังเป็นพืชที่มีโปรตีนสูงตลอดทั้งปี (15-17%) แต่ หญ้า จะมีโปรตีนสูงเฉพาะช่วงฤดูฝน (9-10%) ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกช้าง ทั้งไผ่และหญ้ามีอยู่มากในป่าเบญจพรรณ และป่าประเภทอื่น ๆ ในป่าเขตร้อนของเอเซีย
งวงและงาของช้างยังช่วยให้ช้างมีประสิทธิภาพสูงในการหาอาหาร ทั้งพืชอาหารที่ขึ้นอยู่ในระดับพื้นดิน จนถึงส่วนของพืชที่อยู่สูงขึ้นไปกว่า 5 เมตร นอกจากนี้ ร่างกายที่แข็งแรงของช้างสามารถผลัก ดัน ดึง เขย่าต้นไม้ ทำให้ผลไม้ที่ช้างชอบกิน ร่วงหล่นลงมาให้ช้างเก็บกินได้
ช้างบ้าน เรียกว่า เชือก
หู เรียกว่า ใบ


เคยมีเรื่องเล่ากันว่าในประเทศไทยนั้นเคยมีช้างแอฟริกาชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ คือ ช้างแคระ (Pygmy elephant) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ช้างค่อม” หรือ “ช้างพรุ” ซึ่งมีขนาดตัวเท่าควาย คุณหมอบุญส่ง เลขะกุล นักธรรมชาติวิทยาชาวไทยเคยบันทึกไว้ในบทความว่าเมื่อประมาณ ๓๐–๕๐ ปีที่ผ่านมามีคนพบช้างค่อมขนาดเท่าควายอยู่แถบป่าพรุชายทะเลสาบสงขลา แต่คนเฒ่าคนแก่แถบทะเลสาบสงขลาบางท่านก็กล่าวว่าที่เห็นกันนั้นไม่ใช่ช้างค่อม หากแต่เป็นลูกช้าง ปัจจุบันจึงยังไม่มีข้อสรุปว่ามีช้างแคระอยู่ในประเทศไทย
จริง ๆ หรือ

เมื่อฉันค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเสร็จก็ทำบันทึกประจำวัน เวลา 15.30 น. พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
วัน อังคาร ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันนี้เป็นวัน อังคาร ที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จะต้องเรียนโครงงาน
( Constructionism ) โดยแต่ละห้องจะศึกษาหัวข้อที่ไม่เหมือนกัน
ส่วนห้องม.2/3 จะศึกษาเรื่อง กุญชรแห่งสยาม ในการทำงานนั้น คุณครูก็แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ
กลุ่ม 1 จะมีคุณครูที่ปรึกษาคือคุณครูณภัทร จิณานุกูล
กลุ่ม 2 จะมีคุณครูที่ปรึกษาคือคุณครูศิวิไลซ์ ฉกรรจ์แดง
ฉันได้อยู่กลุ่ม 2 โดยมีคุณครูที่ปรึกษา คุณครูณภัทร ในช่วงเช้าคุณครูก็ให้โจทย์ 10 ข้อ โดยมีหัวข้อดังนี้
1. วันนี้เราจะทำอะไร มีวิธีการขั้นตอนอย่างไรบ้าง
2. ผลของการปฏิบัติงานจาข้อ 1 มีผลงานหรือชิ้นงานใดปรากฏให้เห็น
3. จะมีวิธีประเมินผลงานและผลการปฏิบัติงานได้อย่างไรบ้าง
4. จะใช้ OLPC ในการปฏิบัติงานวันนี้อย่างไรบ้าง
5. จะมีวิธีการทบทวนในเรื่องต่างๆในแต่ละวันในเรื่องความรู้ ความรู้สึก ความคิดเห็นที่มีต่อตนเอง ที่มีต่อเพื่อน ที่มีต่อกลุ่มอย่างไร
6. เพื่อให้การปฏิบัติงานในแต่ละวันดำเเนินไปได้ด้วยดีภายในกลุ่ม ควรมีข้อตกลงร่วมกันอย่างไรบ้าง
7. จะมีวิธีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์กับกลุ่มเพื่อนๆได้อย่างไรบ้างและใช้วิธีการใด
8. ในการปฏิบัติงาน จะต้องมีสสิ่งใดบ้างเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย
9. จะต้องปฏิบัติตัวเองอย่างไร เพื่อให้การทำงานสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ
10. ปัจจัยที่จะทำให้การทำงานสำเร็จลุล่วงอย่างมีคุณภาพได้แก่อะไรบ้าง
หลังจากที่ทำโจทย์ทั้ง 10 ข้อ เสร็จฉันและเพื่อนๆในกลุ่มก็ช่วยกันค้นหาชื่อกลุ่ม ซึ่งชื่อกลุ่มของฉัน
ก็มีชื่อว่า " ปัจจัยนาเคนทร์ " มีความหมายคือ
" ช้างปัจจัยนาเคนทร์เป็นช้างเผือกเพศผู้ เป็นช้างคู่บุญของพระเวสสันดร เนื่องจากเกิดวันเดียวกับ
พระเวสสันดรและยังเป็นช้างที่มีอำนาจพิเศษ ถ้าอยู่เมืองใด จะทำให้ฝนตกตามฤดูกาล พืชพันธุ์จะ
บริบูรณ์ "

ส่วนกลุ่มของเพื่อนๆอีก 3 กลุ่มมีชื่อดังต่อไปนี้
1. กลุ่มไอยรา
2. กลุ่มพระยาฉัททันต์
3. กลุ่มเอราวัณ
เมื่อทุกกลุ่มค้นหาความหมายชื่อกลุ่มของตนเอง คุณครูก็ให้ไปพักรับประทานอาหารกลางวัน
หลังจากพักกลางวันเสร็จ ฉันและเพื่อนๆ ก็ทำ บล็อก เพื่อ เปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้และยังสามารถ
เผยแผ่ให้ผู้คนที่สนใจเข้ามาชม บล็อกของเราได้ แต่ก่อนที่ฉันจะสร้าง บล็อก นั้นฉันต้องสมัคร
Hotmail ก่อน เมื่อสมัคร Hotmail ได้ถึงจะสมัครบล็อก
เวลา 14.30 น. พวกเราทั้ง 4 กลุ่ม รวมทั้งคุณครูณภัทร ก็มานั่งรวมกันเป็นวงกลมเพื่อที่จะ
ได้ Show&Shere ว่าวันนี้แต่ละกลุ่มได้ทำอะไรบ้าง และความหมายชื่อของกลุ่ม หมายถึงอะไร
ในการนำเสนอให้เพื่อนๆและคุณครูฟังนั้นก็เริ่มที่
- กลุ่ม ไอยรา
ไอยรา หมายถึง คำนามที่ใช้เรียกแทนช้างมาก จะใช้ในการแต่งกลอน ฯลฯ
- กลุ่ม เอราวัณ
เอราวัณ หรือ ไอราวัต นี้ในมหากาพย์มหาภารตะมหากาพย์รามายณะและวิษณุปราณะ กล่าว
ตรงกันว่าเป็นหนึ่งในแก้ว 14 ประการที่เกิดดจากการกวนเกษียรสมุทร พระอินทร์ได้รับไว้เป็นพาหนะ
ประจำพระองค์ ลักษณะเป็นช้างเผือกมี 33เศียร เนื่องจากเป็นพาหนะของเทพแห่งฝน
ดังนั้น เอราวัณจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งเมฆฝน
- กลุ่ม พระยาฉัททันต์
พระยาฉัททันต์ หมายถึง ชื่อช้างในตระกูลหนึ่งใน 10 ตระกูล เรียกว่าฉัททันต์หัตถี กายมีสีขาว
บริสุทธิ์ดั่งสีเงิน แต่ปากและเท้าเป็นสีแดง
- กลุ่ม ปัจจัยนาเคนทร์
ปัจจัยนาเคนทร์ หมายถึง เป็นช้างเผือกเพศผู้ เป็นช้างคู่บุญของพระเวสสันดร เนื่องจากเกิดวันเดียวกับ
พระเวสสันดร และยังเป็นช้างที่มีอำนาจพิเศษ ถ้าอยู่เมืองใด จะทำให้ฝนตกตามฤดูกาล
พืชพันธุ์จะบริบูรณ์
หลังจากที่พวกเราได้นำเสนอความรู้ให้กับเพื่อนๆเสร็จ คุณครูณภัทรก็ให้พวกเราช่วยกันคิดว่า
จะบรูณาการเรื่อง ช้างไปยัง 8 สาระการเรียนรู้อย่างไร โดยมีโจทย์ว่า
1. เมื่อกล่าวถึงคำว่า " ช้าง " และ "วิชาภาษาไทย" นักเรียนจะนึกถึงเรื่องใดบ้าง
- ลักษณะนาม คือ นามที่บอกลักษณะของคน สัตว์ สิ่งของ
- สุภาษิต สำนวนไทย คำพังเพย
- วรรณคดี วรรณกรรม นิทานพื้นบ้าน
- บทกลอนที่เกี่ยวกับช้าง
- เรียงความ
2. เมื่อกล่าวถึงคำว่า "ช้าง" และ "วิชาภาษาไทย" นักเรียนจะนึกถึงเรื่องใดบ้าง
- สำนวนสุภาษิต คำพังเพย (ภาษาอังกฤษ)
- คำศัพท์
- นิทาน
หลังจากที่พวกเราได้ช่วยกันคิดบูรณาการ 8 สาระเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน