
วันนี้เป็นวันที่ สองของการเรียน Project ในวันนี้ ช่วงเช้าฉันและเพื่อนๆก็ช่วยกันวางแผน
การปฏิบัติงานประจำวัน โดยช่วงเช้า จะค้นหาข้อมูลสิ่งที่บูรณาการเข้ากับ วิชาภาษาไทย
และวิชาภาษาอังกฤษ จนถึงพักกลางวัน จากนั้นเวลา 12.30-14.30น. ก็ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับ
และวิชาภาษาอังกฤษ จนถึงพักกลางวัน จากนั้นเวลา 12.30-14.30น. ก็ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับ
วิวัฒนาการของช้างป่า เวลา 14.30-15.30 น. ทำบันทึกประจำวัน
หลังจากที่วางแผนการปฏิบัติงานเสร็จ ฉันก็เริ่มค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของช้างป่า
โดยมี ข้อมูล ดังนี้

วิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดของสัตว์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า " ช้างป่า "
ฟันของช้าง มีวิวัฒนาการ ให้สามารถกินพืชได้ทุกส่วนตั้งแต่ รากไม้ เปลือกไม้ กิ่งไม้ใบไม้ ผลไม้ ฯลฯ และกินพืชได้หลากหลายชนิดจากการศึกษาพืช ที่ช้างป่ากินในหลายพื้นที่พบว่า ช้างกินพืชอาหารไม่น้อยกว่า 100-400 เช่น ไผ่ และหญ้าชนิดต่างๆซึ่งเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น พวกอ้อยป่า หรือหญ้าลำต้นสูง
ข้อเสียเปรียบของสัตว์ป่าขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "ช้าง" ก็คือ ต้องการอาหารมาก ดังนั้น ฟันของช้างจึงมีวิวัฒนาการให้สามารถกินพืชได้ทุกส่วน ตั้งแต่ รากไม้ เปลือกไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ผลไม้ ฯลฯ และ กินพืชได้หลากหลายชนิด (generalist feeding habit) จากการศึกษาพืชอาหารที่ช้างป่ากินในหลายพื้นที่พบว่า ช้างกินพืชอาหารไม่น้อยกว่า 100-400 ชนิด แต่ส่วนใหญ่เป็นพืชในวงศ์หญ้า (Gramineae) เช่น ไผ่ และหญ้าชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น พวกอ้อยป่า "wild sugarcane" หรือหญ้าลำต้นสูง ได้แก่ พง (Saccharum spontaneum) และวงศ์พืชตระกูลถั่ว (Leguminosae)
เนื่องจาก "สัตว์กินพืช" และ "พืช" โดยเฉพาะพืชใบเลี้ยงคู่มีวิวัฒนาการมาด้วยกัน "พืช" ก็ต้องมีกลไก เพื่อป้องกันไม่ให้ "สัตว์กินพืช" กินพวกมันจนสูญพันธุ์ไป เช่น สร้างสารประกอบที่มีพิษ (toxic secondary compound) ทำให้ช้างต้องกินพืชหลากหลายชนิด ทั้งเพื่อให้ได้คุณค่าอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กินพืชชนิดใดชนิดหนึ่งมากจนสะสมสารพิษของพืชชนิดนั้นถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สารประกอบดังกล่าวจะไม่มีในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น ไผ่ และหญ้าต่าง ๆ นอกจากนี้ ไผ่ ยังเป็นพืชที่มีโปรตีนสูงตลอดทั้งปี (15-17%) แต่ หญ้า จะมีโปรตีนสูงเฉพาะช่วงฤดูฝน (9-10%) ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกช้าง ทั้งไผ่และหญ้ามีอยู่มากในป่าเบญจพรรณ และป่าประเภทอื่น ๆ ในป่าเขตร้อนของเอเซีย
งวงและงาของช้างยังช่วยให้ช้างมีประสิทธิภาพสูงในการหาอาหาร ทั้งพืชอาหารที่ขึ้นอยู่ในระดับพื้นดิน จนถึงส่วนของพืชที่อยู่สูงขึ้นไปกว่า 5 เมตร นอกจากนี้ ร่างกายที่แข็งแรงของช้างสามารถผลัก ดัน ดึง เขย่าต้นไม้ ทำให้ผลไม้ที่ช้างชอบกิน ร่วงหล่นลงมาให้ช้างเก็บกินได้
เนื่องจาก "สัตว์กินพืช" และ "พืช" โดยเฉพาะพืชใบเลี้ยงคู่มีวิวัฒนาการมาด้วยกัน "พืช" ก็ต้องมีกลไก เพื่อป้องกันไม่ให้ "สัตว์กินพืช" กินพวกมันจนสูญพันธุ์ไป เช่น สร้างสารประกอบที่มีพิษ (toxic secondary compound) ทำให้ช้างต้องกินพืชหลากหลายชนิด ทั้งเพื่อให้ได้คุณค่าอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กินพืชชนิดใดชนิดหนึ่งมากจนสะสมสารพิษของพืชชนิดนั้นถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สารประกอบดังกล่าวจะไม่มีในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น ไผ่ และหญ้าต่าง ๆ นอกจากนี้ ไผ่ ยังเป็นพืชที่มีโปรตีนสูงตลอดทั้งปี (15-17%) แต่ หญ้า จะมีโปรตีนสูงเฉพาะช่วงฤดูฝน (9-10%) ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกช้าง ทั้งไผ่และหญ้ามีอยู่มากในป่าเบญจพรรณ และป่าประเภทอื่น ๆ ในป่าเขตร้อนของเอเซีย
งวงและงาของช้างยังช่วยให้ช้างมีประสิทธิภาพสูงในการหาอาหาร ทั้งพืชอาหารที่ขึ้นอยู่ในระดับพื้นดิน จนถึงส่วนของพืชที่อยู่สูงขึ้นไปกว่า 5 เมตร นอกจากนี้ ร่างกายที่แข็งแรงของช้างสามารถผลัก ดัน ดึง เขย่าต้นไม้ ทำให้ผลไม้ที่ช้างชอบกิน ร่วงหล่นลงมาให้ช้างเก็บกินได้
แหล่งอ้างอิง : http://www.wildelephantlover.com/
หลังจากที่ฉันค้นหาข้อมูล วิวัฒนาการของช้างป่า ฉันก็ค้นหาสิ่งที่บูรณาการเข้ากับ วิชาภาษาไทย
และ วิชาภาษาอังกฤษ
วิชาภาษาไทย
-ลักษณะนาม
ช้างป่า เรียกว่า ตัว
ช้างบ้าน เรียกว่า เชือก
ช้างบ้าน เรียกว่า เชือก
งา เรียกว่า กิ่ง
งวง เรียกว่า งวง
หาง เรียกว่า หาง
ขา เรียกว่า ข้าง
หู เรียกว่า ใบ
หู เรียกว่า ใบ
ฟัน เรียกว่า ชุด
-สุภาษิต
ขี่ช้างจับตั๊กแตน
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง
ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิด
เลี้ยงช้างกินขี้ช้าง
ฆ่าช้างเอางา
ดูช้างให้ดูหน้าหนาว ดูสาวให้ดูหน้าร้อน
-วรรณคดี วรรณกรรม นิทานพื้นบ้าน
พระสุริโยไทย
รามเกียรติ์
ต้มยำกุ้ง
ช้างเพื่อนแก้ว
ก้านกล้วย
พระนเรศวรมหาราช
วิชาภาษาอังกฤษ
-สำนวนสุภาษิต ( ภาษาอังกฤษ)-คำศัพท์
-นิทาน
เวลา11.30 น. ฉันและเพื่อนๆ ก็ไปพักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา12.30 น. ฉันก็ค้นหาข้อมูล วิวัฒนาการเพิ่มเติม โดยมีข้อมูลดังนี้
เส้นทางวิวัฒนาการของช้าง
บรรพบุรุษยุคแรกของช้างนั้นมีอายุประมาณ ๖๐ ล้านปีมาแล้ว มีชื่อว่า โมเออริเทอเรียม (Moeritherium) ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งตามสถานที่ที่ค้นพบ คือ ทะเลสาบโมเออริส (Moeris) ประเทศอียิปต์ โมเออริเทอเรียม ไม่ได้มีรูปร่างดังช้างในปัจจุบัน มันมีขนาดตัวเล็กกว่าช้างปัจจุบันมาก โดยมีขนาดประมาณสมเสร็จ ลำตัวยาวใหญ่ หางสั้น ไม่มีงวง และน่าจะดำรงชีวิตเช่นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ คล้ายฮิปโปโปเตมัส อาศัยอยู่บริเวณทวีปแอฟริกาเหนือ ถึงแม้จะมีรูปร่างหน้าตาต่างกับช้างในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามันคือบรรพบุรุษของช้างอย่างแน่นอนก็คือกะโหลก กล่าวคือกะโหลกหัวมีโพรงอากาศเหมือนช้างรุ่นปัจจุบันและมีงาเล็ก ๆ ออกจากขากรรไกรล่าง นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างอื่น ๆ อีกหลายประการที่มีลักษณะคล้ายช้าง

ไมโอซีน (Miocene) หรือประมาณ ๒๖ ล้านปีก่อนลูกหลานของ
โมเออริเทอเรียมจึงมีการอพยพเคลื่อนย้ายไปยังดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก
ยกเว้นออสเตรเลียกับแอนตาร์ก
จากสมัยไมโอซีน ซึ่งมีช่วงเวลาตั้งแต่ ๒๖ จนถึง ๑๒ ล้านปีก่อน สัตว์จำพวกช้างก็ยังแตกหน่อแยกพันธุ์ออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ทั้ง ๆ ที่จำนวนสายพันธุ่ของมันเคยมีอยู่นับร้อย ครั้นพอมาถึงรุ่งอรุณแห่งสมัย
โฮโลซีน (Holocene) หรือเมื่อประมาณหนึ่งหมื่นปีก่อนลูกหลายของช้างเหล่านี้กลับเหลืออยู่แค่สองชนิด คือ ช้างแอฟริกาและช้างเอเชียซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Loxodonta africana และ Elephas

เคยมีเรื่องเล่ากันว่าในประเทศไทยนั้นเคยมีช้างแอฟริกาชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ คือ ช้างแคระ (Pygmy elephant) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ช้างค่อม” หรือ “ช้างพรุ” ซึ่งมีขนาดตัวเท่าควาย คุณหมอบุญส่ง เลขะกุล นักธรรมชาติวิทยาชาวไทยเคยบันทึกไว้ในบทความว่าเมื่อประมาณ ๓๐–๕๐ ปีที่ผ่านมามีคนพบช้างค่อมขนาดเท่าควายอยู่แถบป่าพรุชายทะเลสาบสงขลา แต่คนเฒ่าคนแก่แถบทะเลสาบสงขลาบางท่านก็กล่าวว่าที่เห็นกันนั้นไม่ใช่ช้างค่อม หากแต่เป็นลูกช้าง ปัจจุบันจึงยังไม่มีข้อสรุปว่ามีช้างแคระอยู่ในประเทศไทย
จริง ๆ หรือ

เมื่อฉันค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเสร็จก็ทำบันทึกประจำวัน เวลา 15.30 น. พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ควรลงภาพการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานวันนั้นควรมีการบันทึกภาพขณะทำงานด้วย
ตอบลบ